หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษ เอ๊กเต๊ก (เตียวหุย)
หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษ เอ๊กเต๊ก (เตียวหุย)
รอมานานกับหนังสือนิยายเล่มนี้ ต้องขอเกริ่นคร่าวๆก่อนว่า หงสาจอมราชันย์คืออะไร
หงสาจอมราชันย์ คือหนังสือการ์ตูนที่ใช้เค้าโครงเรื่องจากวรรณกรรมสามก๊ก มาทำเป็นฉบับการ์ตูน ผู้แต่งคือ อาจารย์ เฉินเหมา โดยที่อาจารย์ท่านเป็นผู้ศึกษาสามก๊กมามากทั้งวรรณกรรมและฉบับพงศาวดาร และอาจารย์คงมีความคิดที่แต่งต่างออกไปจากฉบับวรรณกรรม ยกตัวอย่างเช่น ถ้าลิโป้ เป็นคนบ้าบิ่นบ้าพลังเก่งแต่ด้านบู๊ ทำไมถึงได้กลายเป็นยอดคนไปได้ หรือ เตียวหุยที่กำลังจะกล่าวถึง ที่เราส่วนใหญ่จะรับรู้กันว่า มุทะลุ บ้าพลัง บ้าบิ่นไร้สมองมีแต่กำลังและเจ้าอารมณ์ แต่กลับมีการกล่าวถึงกันว่า ไม่ได้เป็นคนขายหมูเท่านั้น แต่เป็นถึงจิตรกรผู้มากด้วยฝีมือซึ่งดูขัดกันแปลกๆ
นี่คงเป็นจุดๆนึงที่เป็นไอเดียของท่านในการสรรค์สร้าง สามก๊กแนวใหม่ในฉบับการ์ตูน ในแบบที่ไม่พูดถึงตรงๆกับเนื้อเรื่องหลักของสามก๊ก แต่ได้แต่งเสริมเนื้อหาในช่วงเวลา และเพิ่มเติมเหตุและผลของเหล่าตัวละครเข้าไป ให้เสริมกับเนื้อหาหลักของวรรณกรรมอีกที
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหนังสือเล่มนี้ล่ะเกริ่นซะยาวเชียว
ถ้าเอาตามที่ได้อ่านเนื้อหาในหนังสือรวมถึงจากที่อาจารย์ท่านได้พูดไว้ในหนังสือ หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษนี้ จะกล่าวถึงที่มาที่ไปของตัวละครแต่ละตัวแยกออกมาจากภาคหลัก แต่ผู้แต่งฉบับนิยายไม่ใช่อาจารย์เฉินเหมานะครับ ผู้แต่งคือ หวังซิง นักเขียนหน้าใหม่ไฟแรงแต่กำลังโด่งดัง (ตามที่ข้อมูลว่ามานะครับผมก็ไม่รู้จักประวัติเขามาก่อน) ที่เหมือนจะรู้ใจและเข้าถึงความคิดของ อาจารย์เฉินเหมาได้เลยยกหน้าที่ สร้างสรรค์เนื้อหาส่วนเติมเต็มต่างๆในฉบับนิยายนี้
ต้องบอกเลยว่า ถ้าเป็นแฟนหนังสือหงสาอยู่แล้วห้ามพลาดเด็ดขาด คุณจะรู้ว่ากว่าจะมาเป็น เตียวหุยเจ้าคนหน้าลายผู้นี้เป็นมายังไง ที่เราพอรู้เบื้องต้นว่า ไม่ได้มุทะลุอย่างที่คิดนะก็จะมีส่วนเสริมมาว่า เหตุใดถึงต้องทำตัวแบบนั้น แล้วนิสัยแท้จริงเป็นอย่างไร ว่ากันตั้งแต่ต้นกำเนิดเลยครับ
และในหลายๆบท ก็ยกเหตุการณ์ในการ์ตูนมาขยายเนื้อหาและบทให้ลึกซึ้งเข้าไปอีก ตามที่อาจารย์ท่านบอกไว้ในคำนำ คือการ์ตูนก็สามารถถ่ายทอดเนื้อหาได้ในระดับนึงแต่หากต้องลงรายละเอียดทั้งหมดลงในการ์ตูนคงต้องอ่านกันชั่วลูกชั่วหลาน จึงเก็บส่วนรายละเอียดไว้มาแยกเป็นนิยายดีกว่า
สำหรับคนที่ไม่รู้จักหงสามาก่อนแนะนำให้หาการ์ตูนมาอ่านก่อนครับ เพราะในหนังสือแต่ละบทจะมีเนื้อหาจะไม่ต่อกัน แต่จะยกช่วงเวลาหนึ่งๆของเตียวหุยมาเล่าให้ฟังเป็นตอนๆ สำหรับแฟนสามก๊กฉบับวรรณกรรม ถ้าอยากจะลองอ่านดูเล่นๆว่า เตียวหุยในเวอร์ชั่นใหม่ ที่มีความตื้นลึกและมิติของตัวละครมากขึ้น ก็อ่านได้เลยครับเหตุการณ์ต่างๆจะเกาะไปกับสามก๊กอยู่แล้ว บวกกับฝีไม้ลายมือการแปลของ ม.ประภา ที่ใช้คำและสำนวนได้ลุ่มลึกมาก มาตั้งแต่หงสาฉบับการ์ตูนแล้วด้วยยิ่งสนุกมากๆ
สำนวนการแปลเหมือนเดิมแต่ได้ความละเอียดในแบบที่ฉบับการ์ตูนไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้หมด และถ้ากล่าวว่า "หงสาฉบับการ์ตูนคือส่วนเติมเต็มที่ทำให้วรรณกรรมสามก๊ก สนุกและเข้มข้นขึ้น หงสาภาคพิเศษนี้ก็ยิ่งเป็นส่วนขยายของหงสาให้ สนุก เข้มข้น และลุ่มลึกได้เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว"
"คนๆนึงไม่จำเป็นต้องมีด้านเดียวเสมอไป และด้านที่เรารับรู้นั้นเมื่อเวลาผ่านไปที่เหลือเพียงเรื่องเล่าอาจจะต่างจากความเป็นจริงของคนผู้นั้นอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้"
แอบสปอยด์เล็กๆว่า บทที่ 5 บีบคั้นอารมณ์สุดๆ และทำให้ผมหลงรักตัวละคร เตียวหุย ในเวอร์ชั่นหงสาผู้นี้มากขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว
ขอแค่ 7 วันกับการเล่นโกะ
หลังจากที่ได้คุยกันไปถึงเรื่องขอแค่ 7 วันกับการทำสิ่งต่างๆ สิ่งแรกที่ผมเริ่มคือการ เล่นโกะ เกมกระดานที่ผมเคยสนใจมานานเคยเล่นอยู่พักนึงแล้วก็หยุดไปหลายปี ข้อแรกแรกที่ทำให้ผมไม่ค่อยได้เล่นมันเพราะข้ออ้างแรก มันเป็นเกมกระดานที่ใช้เวลานานในการเล่นแต่ละกระดาน อยู่ที่ ครึ่งชม.ถึงสองชม.ได้ ข้ออ้างที่สองก็เหมือนที่เคยว่าไว้ครับ เสียดายเวลาแล้วคิดแต่ว่ามันทำให้เสียเวลาทำอย่างอื่น
ก่อนที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นใน 7 วันที่ผ่านมา ขออธิบายสั้นๆสำหรับคนที่ไม่รู้จักว่าโกะคืออะไรก่อนนะครับ โกะ ในภาษาญี่ปุ่น หรือ weiqi ในภาษาจีน หรือ หมากล้อม ในภาษาไทย เดิมนั้นถือกำเนิดขึ้นในประเทศจีน และต่อมาได้แพร่เข้าสู่ญี่ปุ่นและเกาหลีและมารุ่งเรื่องมากในญี่ปุ่น
ลักษณะเป็น กระดานเกมกระดานที่ตีเส้นตารางขนาด 19x19 และใช้ตัวหมากสีดำและสีขาวเม็ดกลมแบน การแพ้ชนะกันจะเป็นไปในลักษณะที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยึดพื้นที่หรือล้อมฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่ากัน และด้วยควาที่มันมีแค่ช่องตารางกับเม็ดแบนๆ ทำให้การพลิกแพลงการเดินมากได้หลากหลายและซับซ้อนมาก....... เอาสั้นๆแค่นี้ก่อนนะครับ ใครสนใจเพิ่มเติมก็ถามอากู๋เอาได้เลย
ความนี้มาถึงคิวของโครงการขอแค่ 7 วันของเราบ้าง
ก่อนที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นใน 7 วันที่ผ่านมา ขออธิบายสั้นๆสำหรับคนที่ไม่รู้จักว่าโกะคืออะไรก่อนนะครับ โกะ ในภาษาญี่ปุ่น หรือ weiqi ในภาษาจีน หรือ หมากล้อม ในภาษาไทย เดิมนั้นถือกำเนิดขึ้นในประเทศจีน และต่อมาได้แพร่เข้าสู่ญี่ปุ่นและเกาหลีและมารุ่งเรื่องมากในญี่ปุ่น
ลักษณะเป็น กระดานเกมกระดานที่ตีเส้นตารางขนาด 19x19 และใช้ตัวหมากสีดำและสีขาวเม็ดกลมแบน การแพ้ชนะกันจะเป็นไปในลักษณะที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยึดพื้นที่หรือล้อมฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่ากัน และด้วยควาที่มันมีแค่ช่องตารางกับเม็ดแบนๆ ทำให้การพลิกแพลงการเดินมากได้หลากหลายและซับซ้อนมาก....... เอาสั้นๆแค่นี้ก่อนนะครับ ใครสนใจเพิ่มเติมก็ถามอากู๋เอาได้เลย
ความนี้มาถึงคิวของโครงการขอแค่ 7 วันของเราบ้าง
"ผมได้อะไรจากการขอเวลาแค่ 7 วันเพื่อเล่นโกะอย่างเดียว"
อย่างทีเคยคุยกันนะครับ เราไม่ได้ต้องการเป้าหมายยิ่งใหญ่หรือผลเป็นเลิศในการทำสิ่งนั้นๆ เพราะมันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ 7 วัน แต่เป้าหมายหลักๆคือ ปรับพฤติกรรมการผลัดวันประกันพรุ่ง และการกลัวว่าจะเสียเวลาจนไม่เป็นอันได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ดังนั้นการเล่นโกะอย่างเดียว 7 วันโดยไม่ทำอย่างอื่นเลยของผมต้องบอกว่า พอไปวัดไปวาได้ครับ อยากแรกเลยคือใน 7 วันนี้ ผมแอบอู้ไปนั่งดูหนังที่เพิ่งออกมาใหม่ นั่งเล่นคอมจนถึงเวลานอน ไปถึง 3 วัน แต่ใน 4 วันที่ได้เล่นนั้น รู้สึกดีขึ้นมากครับ ทุกทีที่กลับมาบ้านเห็นกระดานมันวางจนฝุ่นเกาะ พอจะเล่นก็ฝุ่นเกาะสมองเล่นไม่เป็นไปซะแล้ว
มันทำให้การเล่นโกะกลับมาเป็นรูปเป็นร่าง คือเริ่มวางหมากแล้วคิดเผื่อหมากต่อไปได้อีกสักสองสามตา อย่างที่เคยบ้าๆเล่นเหมือนก่อน รู้สึกได้สมาธิและประโยชน์ต่างๆที่ได้จากการเล่นโกะกลับคืนมา เวลาช่วงว่างๆในช่วงกลางวัน ปกติก็จะเปิดคอมไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย ช่วง 7 วันที่ผ่านมาก็จะพยายามอ่านเรื่องโกะ หรือดูหมากต่างๆของคนเก่งๆ
สนุกดีครับ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ไร้สาระ ไม่ใช้เวลาไปอย่างไร้ค่าได้ในระดับนึง ใครที่ผ่านมาได้อ่านก็ลองเริ่มต้นดูนะครับ อย่าลืมนะครับ ขอแค่ 7 วันในการตั้งใจทำอะไรสักอย่างไม่สนว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระแค่ไหน เอาแค่เป็นสิ่งที่เราอยากทำและไม่ได้ทำมานาน แต่ไม่ใช่ให้หยุดงานมาทำหรือหมกมุ่นกับมันเกินไปนะครับ หมายถึงให้ใช้เวลาที่ไปทำอะไรเรื่อยเปื่อยมาตั้งเป้าแต่เรื่องๆเดียวใน 7 วันไม่สะเปะสะปะ
แล้วอีก 7 วันข้างหน้าผมจะทำอะไรต่อเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังนะครับไว้เจอกันใหม่
มันเริ่มต้นมาจากการกดผิด
คนส่วนใหญ่มักจะเรียนรู้คำสั่งลัดใหม่ๆ บนคีบอร์ดจากการกดผิด เพราะส่วนใหญ่เรามักจำหรือหาวิธีกดแค่ปุ่มที่เราต้องใช้กันบ่อยๆ ก็คงเหมือนกับชีวิตคนเราที่มักจะได้ศึกษาหรือทำอะไรเพราะมันจำเป็นต้องรู้จำเป็นต้องทำ
ส่วนการเรียนรู้แง่มุมใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆของชีวิตก็มักจะมาจากความผิดพลาด หรือการลองผิดลองถูกอย่างไม่ตั้งใจเสมอ ถ้าอยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆ บางทีก็อย่าไปจำกัดรูปแบบการกระทำของเราซะเกินไป ปล่อยๆให้ได้ลองผิดถูกดูบ้าง
แต่ทั้งหมดที่ว่าไปนั้นก็ใช่ว่าจะเจอแต่เรื่องดีๆไปซะหมดกับการลองอะไรใหม่ๆ บางทีก็มีให้เจ็บใจต้องจดจำ แต่นั่นก็คือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอีกเหมือน
ส่วนการเรียนรู้แง่มุมใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆของชีวิตก็มักจะมาจากความผิดพลาด หรือการลองผิดลองถูกอย่างไม่ตั้งใจเสมอ ถ้าอยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆ บางทีก็อย่าไปจำกัดรูปแบบการกระทำของเราซะเกินไป ปล่อยๆให้ได้ลองผิดถูกดูบ้าง
เรามักเรียนรู้เส้นทางใหม่ๆ และเข้าใจเส้นทางบนถนนจากการหลง มากกว่าจากเนวิเกเตอร์
เรามักจะเจอร้านอาหารอร่อยๆที่ไม่เคยกินมาก่อน จากการที่ร้านเดิมคนแน่น หรือต้องแวะหาอะไรรองท้องกลางทาง
เรามักจะเจอคนดีๆ เพื่อนดีๆ หรือคนรัก จากการไปนั่งดื่มชิวๆแก้เซ็งกับเพื่อน แล้วไม่รู้ว่ามันก็ดันพาคนอื่นมาด้วย
แต่ทั้งหมดที่ว่าไปนั้นก็ใช่ว่าจะเจอแต่เรื่องดีๆไปซะหมดกับการลองอะไรใหม่ๆ บางทีก็มีให้เจ็บใจต้องจดจำ แต่นั่นก็คือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอีกเหมือน
จัดการไฟล์ในเครื่อง mac ง่ายๆด้วย diskwave
พอดีว่ากำลังมีปัญหากับเครื่อง mac ที่เริ่มไม่เหลือพื้นที่แล้ว ด้วยความที่เป็นคน pc มาตลอดเลยไม่รู้จะทำยังไงดี เข้าไปดูข้อมูล info ก็จะเจอข้อมูลที่บอกว่ามีไฟล์ other อยู่มากเลยแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร ผมก็เลยไม่รู้จะไปลบมันยังไง จะไล่ดูเชคทีละโฟลเดอร์ทีละไฟล์มันก็ดูจะยุ่งยากไป
ผมเลยลองเซิร์ชหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็บังเอิญเจอโปรแกรมดีๆ ตัวนี้แถมฟรีด้วย (ถ้าใช้ดถูกใจก็ช่วย donate ให้เขาด้วยนะครับ) โปรแกรมนี้มีชื่อว่า diskwave ครับ เซิร์ชกูเกิ้ลปุ๊บจะเจอทันที เข้าไปหน้าเว็บของเขาก็จะเจอหน้าตาประมาณนี้ มีให้ download ได้ง่ายๆตรงด้านซ้ายมือ
หลังจาก download และติดตั้งแล้วก็จะได้หน้าตาโปรแกรมที่จะบอกรายละเอียดของขนาดไฟล์ภายในเครื่องของเรา ตรงมุมด้านบนก็ยังมีปุ่มที่ให้เปิดโฟลเดอร์นั้น หรือว่าจะลบเลยก็ได้ทันที สะดวกมากๆครับ หลังจากที่ผมคาใจกับไฟล์ในเครื่องก็จัดการได้ง่ายขึ้นเยอะ
ผมเลยลองเซิร์ชหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็บังเอิญเจอโปรแกรมดีๆ ตัวนี้แถมฟรีด้วย (ถ้าใช้ดถูกใจก็ช่วย donate ให้เขาด้วยนะครับ) โปรแกรมนี้มีชื่อว่า diskwave ครับ เซิร์ชกูเกิ้ลปุ๊บจะเจอทันที เข้าไปหน้าเว็บของเขาก็จะเจอหน้าตาประมาณนี้ มีให้ download ได้ง่ายๆตรงด้านซ้ายมือ
หลังจาก download และติดตั้งแล้วก็จะได้หน้าตาโปรแกรมที่จะบอกรายละเอียดของขนาดไฟล์ภายในเครื่องของเรา ตรงมุมด้านบนก็ยังมีปุ่มที่ให้เปิดโฟลเดอร์นั้น หรือว่าจะลบเลยก็ได้ทันที สะดวกมากๆครับ หลังจากที่ผมคาใจกับไฟล์ในเครื่องก็จัดการได้ง่ายขึ้นเยอะ
อย่าลืมนะครับ ถ้าใช้แล้วถูกใจอย่าลืม donate เขาหน่อยนะครับ คนทำจะได้มีกำลังใจและรายได้แล้วทำโปรแกรมดีๆมาให้เราใช้อีก
ละลายพฤติกรรมขี้เกียจด้วยวิธี "ขอแค่ 7วัน"
เนื่องจากหลายวันมานี้ผมนั่งดู วิดีโอของ TEDtalks (งานที่นำผู้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆมาพูดบนเวทีในเวลาสั้นๆ) ของคนเก่งหลายๆคนและนำไอเดียมามั่วๆรวมๆกัน เพื่อหาวิธีแก้ความขี้เกียจของตัวเอง
คุณเคยขี้เกียจมากๆบ้างหรือเปล่า อย่างผมที่ขี้เกียจแม้กระทั่งเรื่องเล่นๆ เนื่องจากเหตุผลต่างๆนาๆ เวลา เงิน และอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น ผมทำงานกลับบ้านวันๆนึงจะเหลือเวลาก่อนนอนประมาณ 2-3 ชม. หลังทำกิจวัตรประจำวันแล้วก็จะเหลือ 2ชม. ดังนั้นอย่าว่าแต่จะไปทำอะไรที่เป็นสาระเลย หลายๆอย่างที่ไร้สาระที่อยากทำต่างๆก็ไม่ได้ทำเป็นเพราะอะไรกันล่ะ
แล้วเรื่องอะไรไร้สาระของผม ก็อย่างเช่น เกม arma (ไว้จะเขียนถึงเกมนี้ในโพสต์อื่นคราวหน้า) ที่อยากเล่นมากๆ ถึงขนาดซื้อแผ่นแท้เก็บไว้ทุกภาคแม้จะไม่มีคอมสเปคแรงพอที่จะเล่น สุดท้ายก็ซื้อ notebook ใหม่มาเพื่อเล่นเกมนี้โดยเฉพาะ กว่าจะได้เล่นก็ปาไปภาคสามแล้ว แต่เอาเข้าจริงก็ได้แต่เอามาเปิดเฟซบุคเชคเมลก่อนนอนแค่นั้นเอง ยังมีเกมโกะ เกมกระดานที่เขาว่าสุดยอดแห่งเกมกลยุทธ์ ก็ได้แต่เห่อตอนซื้อมา เปียโนไฟฟ้าความฝันตั้งแต่เด็ก และอื่นๆอีกเยอะแยะ สุดท้ายก็ได้แต่วางกองๆเอาไว้ด้วยเหตุแห่งความกลัว
ผมกลัวอะไรน่ะเหรอครับ ก็เพราะเวลาที่จำกัดในแต่ละวัน และคิดกังวลแต่ว่าจะเสียเวลา เคยรึเปล่าครับกลัวจะเสียเวลาจนไม่กล้าทำอะไรเลย ผมเป็นอย่างนั้นจริงๆ สุดท้ายผมกลัวว่า เล่นเกมก็เปลืองเวลา หัดเล่นนั่นเล่นนี่ก็จะเสียเวลาพักผ่อนไป สุดท้ายก็ได้แค่ใช้เวลา 2 ชม.ที่มีในแต่ละวันหมดไปกับการเปิดทีวี เล่นเฟซบุค หาหนังหาซีรี่มาดู ซึ่งมันก็ใช่การพักผ่อนเพียงแต่มันไม่ใช่เป้าหมายที่เราอยากจะทำมันจริงๆ
"เรากลัวเสียเวลาโดยการหาอะไรมาทำที่ไม่ใช่เรื่องที่อยากทำจริงๆมาฆ่าเวลาอีกที"
จากด้านบนที่ว่าที่ได้ดู TEDtalks มีคนนึงที่ทำงานใน google และแนะนำให้ทำอะไรที่อยากทำใน 30 วัน ผมว่ามันมากไปและผมเคยลองแล้วมันยิ่งไม่กล้าที่จะลองเพราะกลัวจะเสียเวลาไปทั้งเดือนอีก กับอีกท่านที่พูดประชดทำนองว่า เรามัวแต่หาข้ออ้างต่างๆในการไม่ทำให้ตัวเองดีขึ้น เลยลงเอยที่ว่า
"ผมจะลองทำสิ่งที่อยากทำอย่างละ 7 วัน"
เขียนสิ่งที่อยากจะทำมานาน เท่าที่ทำได้จริงติดต่อกัน 7 วันนะ กิจกรรมง่ายๆ ไม่ต้องสนว่ามีสาระหรือเปล่า เอาแค่สิ่งที่คาใจอยากจะทำมานาน บางคนอาจจะมัวแต่ทำอย่างอื่นและกลัวเสียเวลาที่จะอยากดูซีรี่ที่ตัวเองอยากดู ต่อโมเดล เล่นอูคูเลเล่ หัดร้องเพลง เก็บบ้าน อะไรก็ได้ และไม่ต้องหวังผลว่าเจ็ดวันนี้จะต้องก้าวหน้าอะไร แค่ 7วันมันจะไปได้อะไร
แต่เป้าหมายจริงๆของผมคือ ต้องการแก้ไขพฤติกรรมขี้กลัวและขี้เกียจขอองตัวออกไปซะ ลืมให้หมดว่าถ้าฉันทำสิ่งนี้แล้วจะไม่ได้ทำสิ่งนั้น สิ่งอื่นๆที่คิดว่าจะไม่ได้ทำมันเอาไว้ไปทำหลังจาก 7 วันนี้ ถ้าคุณนอนกลิ้งไปมาหลายปี โดยที่มีสิ่งที่คาใจอยู่ การเสียเวลาทำสิ่งที่คาใจแค่ 7 วันมันคงไม่ได้ทำให้คุณเสียอะไรไปมากกว่าที่ผ่านมาหรอกนะ
ที่ว่ามามันคงไม่ใช่สูตรสำเร็จที่จะทำให้ผมกลายเป็นคนที่ก้าวหน้าอะไรมากมาย แต่มันคงเป็นวิธีและเป็นบทแรกๆของการปรับปรุงพฤติกรรมตัวเองของผม แล้วคราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังว่า สิ่งแรกที่จะเริ่มทำคืออะไร แล้วทำไปแล้วได้อะไรขึ้นมา
วินัยสี่เหล่า
คนกลุ่มที่1
เป็นพวกมีแรงผลักดันในตัวเองไม่ต้องมีระเบียบอะไรมาบังคับเขาก็
จะพยายามทำสิ่งที่ตั้งเป้าเอาไว้ เช่นผู้ยิ่งใหญ่ในสาขาต่างๆ
จ๊อปส์ เกตต์ นักวิทยาสามารถที่สร้างสิ่งประดิษฐ์คิดค้น
คนกลุ่มที่2
เป็นพวกที่สามารถระบุเป้าหมายวางระเบียบแบบแผนและสามารถ
ทำตามเป้าได้สำเร็จ เช่นพวกเขียนฮาวทูสอนคน
พวกนี้เคยล้มมาก่อน
คนกลุ่มที่3
เป็นพวกมีระเบียบบ้างแต่ไม่มีวินัยพอที่จะทำตามระเบียบด้วยตัวเอง
ต้องทำตามกฏของคนอื่น ให้คนอื่นมาวางระเบียบให้ เช่นคนทำงาน
บริษัททั่วไป หรือคน ปกติทั่วไป
คนกลุ่มที่ 4
พวกนี้ไม่มีระเบียบ ไม่มีระเบียบในตัวเองะถึงจะมีคนมาวางระบบ
ระเบียบให้ก็ยังไม่มีวินัยพอที่จะทำให้สำเร็จ
แล้วคุณล่ะเป็นคนกลุ่มไหน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)