ไอน์สไตน์ ชีวประวัติ และ จักรวาล


      วันนี้มารีวิวหนังสือที่อ่านไป จริงๆก็อ่านจบมาหลายเดือนแล้วแต่ไม่มีเวลาให้เขียนเลย (เวลาเนี่ยมันก็มีนะแต่ขี้เกียจ ฮ่าๆ) นี่คือหนังสือ ไอน์สไตน์ ชีวประวัติ และ จักรวาล (ฉบับสมบูรณ์) แต่คงจะไม่มาบอกว่ามันกล่าวถึงทฤษฏีอะไรยังไงนะครับ มันค่อนข้างยากซึ่งผมเองก็ไม่ได้เข้าใจทฤษฎีอะไรในเล่มทั้งหมด บางส่วนก็อ่านไปผ่านๆ เพราะเป้าหมายหลักเพราะผมสนใจในชีวิตของ ไอน์สไตน์มากกว่า ใครที่มุ่งไปทางที่มาทฤษฏีหรือแนวคิดต่างๆข้ามได้เลยครับ คนอื่นเขียนไว้เพียบแล้ว

         เนื่องจากเล่มนี้เขียนโดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน คนเดียวกับที่เขียนหนังสือ สตีฟ จ๊อบส์ แต่จริงๆแล้ววอลเตอร์ เขียนเล่มนี้มาก่อน แล้วจ๊อบส์ไปอ่านแล้วชอบในสไตล์การเขียน คือการสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องและนำมาเขียนทั้งข้อดีข้อเสีย ด้านบวกด้านลบของบุคคลที่นำมาเขียนจะดีจะร้ายให้ผู้อ่านนั้นตีความเอาเอง ซึ่งดีกว่าหนังสือชีวิตประวัติของคนอื่นๆที่เขียนมาอวยกันซะบางทีก็พาเราเขวว่า นี่ไม่ใช่คนธรรมดาแล้วต้องเทพลงมาเกิดแน่ๆ จ๊อบส์ก็เลยเชื้อเชิญให้มาเขียนหนังสือประวัติตัวเองบ้าง เมื่อผมได้อ่านประวัติ สตีฟ จ๊อบแล้วก็ชอบในในสไตล์การเขียนก็เลยมาจบที่ได้อ่านเล่มนี้เข้า

        ในเมื่อจะไม่พูดถึงทฤษฏีของ ไอน์สไตน์แล้วผมได้อะไรจากหนังสือเล่มนี้หรือว่าผมจะมาบอกอะไรกันแน่......  สิ่งที่ผมได้จากการอ่านประวัติ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เล่มนี้นั้นคือ นอกจากจะทำให้ผมรู้สึกว่า อัจฉริยะของโลกท่านนี้ก็คือมนุษย์คนนึงนี่แหละ ที่มีด้านบวกด้านลบ ความผิดพลาดของชีวิตหรือสิ่งต่างๆเหมือนคนทั่วไป ต่างจากที่เรารับรู้มาตลอดว่าเขาคือสุดยอดนักคิด คิดทฤษฏีสัมพันธภาพขึ้นมาจากจินตนาการ และทฤษฏีที่ดูเรียบง่ายที่ออกมาเป็นสูตรสร้างปรมาณูได้อย่างง่ายดายแบบที่อัจฉริยะเขาคิดกัน

       ความเป็นจริงแล้ว กว่าที่จะเกิดสิ่งเหล่านั้นได้นอกจากจินตการอันเป็นอัจฉริยะของไอส์ไตน์แล้ว ยังเป็นเพราะความมุมานะ ความไม่ย่อท้อ การ่เพียรศึกษาอ่านงานเขียนทฤษฏีของคนอื่น และคิดวิเคราะห์หาเหตุผลอย่างหนัก และมุ่งจะหาทฤษฏีที่ถูกต้องตามแนวความคิดของตัวเอง เพราะทั้งชีวิตของท่านคือทฤษฏีสัมพันธภาพ ไม่ยอมล้มเลิกความคิดไม่ว่าใครจะไม่เห็นด้วยหรือคัดค้านยังไง การปฏิเสธรับงานหรือตำแหน่งดีๆที่จะส่งผลให้ท่านมีเวลาคิดทฤษฏีน้อยลง หรือแม้กระทั่งยอมรับงานหรือตำแหน่งต่างๆที่จำเป็น เพื่อให้สะดวกและมีผลดีกับการคิดทฤษฏี สรุปคือไม่ว่าการใช้ชีวิตการตัดสินใจใดๆในชีวิตก็ตาม มีไปเพื่อมุ่งที่จะคิดทฤษฏีต่างๆให้เป็นผลสำเร็จ

      ความมุ่งมั่นไม่ย้อท้อนี่แหละที่ผมได้จากหนังสือเล่มนี้ ความอัจฉริยะจะมากแค่ไหน หรือจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ที่ท่านกล่าวแล้วทุกคนก็คัดแค่ประโยคนี้มาใช้กันเหมือนว่าเป็นเรื่องง่ายๆ จริงๆแล้วทุกๆอย่างมันแฝงไว้ด้วยการมุ่งทำตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้อย่างหนักและไม่ย่อท้อ

       นี่คือสรุปส่วนตัวจากที่ผมได้อ่าน และที่ได้มากกว่าหนังสือประวัติไอน์สไตน์เล่มอื่นๆ อยากให้ทุกคนได้อ่านกันครับ ถึงจะสรุปออกมาง่ายๆแค่นี้แต่จริงๆแล้ว อยากให้อ่านตรงประสบการณ์ชีวิตต่างๆที่ล้วนเป็นส่วนสร้างตัวตนของท่านขึ้นมา ตรงส่วนวิทยาศาสตร์ถ้ามันยากไปก็อ่านผ่านๆข้ามไปได้ครับ มันมีแง่คิดอย่างอื่นอีกหลายอย่างให้คุณได้เรียนรู้จาก ชีวประวัติบุคคลอัจฉริยะของโลกท่านนี้  "อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์"


ข้อมูลหนังสือจาก se-ed

ISBN : 9786165154147 (ปกอ่อน) 816 หน้า 
ขนาดรูปเล่ม : 144 x 210 x 47 มม. 
น้ำหนัก : 888 กรัม 
เนื้อในพิมพ์ : ขาวดำ 
ชนิดกระดาษ : กระดาษปรู๊ฟ 
สำนักพิมพ์ : เนชั่นบุ๊คส์, สนพ. 
เดือนปีที่พิมพ์ : 3/2013






หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษ เล่ม 3 ซากทัพ (จูล่ง)

หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษ เล่ม 3 ซากทัพ (จูล่ง)


        สวัสดีครับหลังจากอ่าน หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษ เล่ม 3 ซากทัพ (จูล่ง) จบมาสักพักแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้เขียนสักที จะบอกว่า เล่ม 1 กับ 2 ใช้เวลาอ่านนานมาก อ่านๆวางๆ แต่เล่มนี้อ่านแป๊ปเดียวเลย เพราะส่วนตัวชอบ เหลียวหยวนหว่อเป็นการส่วนตัว เลยมีพลังในการตั้งใจอ่านเป็นพิเศษ อีกเล่มที่เฝ้ารอมากกว่าคือเล่มของกุยแก แต่ไม่รู้เมื่อไหร่จะออก

        มาว่าสั้นๆสำหรับคนที่หลงมาเจอแล้วกัน หงสาจอมราชันย์ภาคพิเศษ เป็นภาคขยายเนื้อหาตัวละครโดยนำตัวละครจากหนังสือการ์ตูน หงสาจอมราชันย์ ที่เป็นหนังสือการ์ตูนที่ปรับแต่งและเพิ่มเติมเนื้อหาจาก วรรณกรรมสามก๊ก นั้นมาขยายความของแต่ละตัวละครอีกที โดยแบ่งเป็นเล่มนึงก็จะเล่าถึงเรื่องราวของตัวละคร 1 ตัวที่ได้แปลไทยโดยคุณ ม.ประภา ผู้แปลฉบับการ์ตูน มาแล้วสามฉบับคือ  เตียวหุย ลิโป้ และเล่มนี้คือ จูล่ง 

      เหลียวหยวนหว่อ หรือ จูล่งในฉบับหงสาเป็นยังไง (สำหรับแฟนๆหงสาข้ามวรรคนี้ไปได้เลยครับ) ก็เป็นนักฆ่ากลุ่มซากทัพ ที่ทำงานให้กับบ้านสกุลสุมา โดยที่ซากทัพนี้เป็นการรวมเหล่าผู้พิการที่มีฝีมือมารวมกัน โดยกล่างถึงเหลียวหยวนหว่อว่าเป็นผู้มีฝีมือในการลอบสังหาร และมีความพิการคือไร้ความรู้สึก ซึ่งทำให้ เหลียวหยวนหว่อนั้นโดดเด่นในด้านการลอบสังหาร 

      มาว่ากันในเล่มนี้บ้าง เนื้อหานี่สนุกขึ้นอีกจากเล่มสอง ถ้าเล่มแรกเตียวหุยว่าด้วยเรื่องการก่อกำเนิดของคนหน้าลาย  ออกดราม่าเยอะน้อย เล่มสอง ลีโป้ มีทั้งบู๊และบุ๊นกันสนุกทีเดียว แต่เล่มสามนี้ มาเต็มมาก ทั้งบู๊ทั้งบู๋น เชือดเฉือนอารมณ์กันเต็มที่ ตัวละครก็มากันเต็ม แถมยังยกฉากต่อสู้บางฉากในการ์ตูนมาแต่งเติมขึ้นอีก ตรงนี้ดีมากเพราะเราคุ้นภาพจากการ์ตูนอยู่แล้ว  และการวางโครงเรื่องได้ดีมาก เกริ่นมา เข้าเรื่องเล่าเรื่องของตัวละครเสริมต่างๆ ผมว่าเล่มนี้เนื้อหาสามารถยกออกมาทำเป็นหนังจีนกำลังภายในได้เรื่องนึงเลย 

     ถามว่าสะใจหรือเปล่าที่รออ่านมานาน ก็พอประมาณครับ มันอิ่มเรื่องการเติมเต็มพอสมควรแต่ไม่ใช่เติมแค่ เหลียวหยวนหว่อหน่ะสิ เล่มนี้ปูตัวละครกันซะจนเหมือนเป็นหนังสือ หงสาจอมราชันย์ภาค สองพี่น้อง เคาทูเคาเต็ง และซากทัพโดยดำเนินเรื่องไปตามแกนหลักของชีวิตเหลียวหยวนหว่อซะมากกว่า แต่ก็เข้าใจอยู่นะครับ เพราะในการ์ตูนก็พูดถึงที่มาที่ไปของเหลียวหยวนหว่อซะจนจะเป็นพระเอกแทนสุมาอี้อยู่แล้ว (อย่าลืมนะครับว่า หงสาจอมราชันย์ดำเนินเรื่องโดยแกนหลักคือสุมาอี้เป็นพระเอก และมีสีสันของเหล่า 8พิศดารแห่งสำนักคันฉ่องวารีออกมาเฉือนคมกัน) 

     แต่ถ้าใครยังคาใจกับเคาทูร่างยักษ์ หรือติดใจฉากฆ่าล้างตระกูลสุมา และการตายของเหล่าซากทัพตอนตระกูลสุมาโดนถล่ม ตรงนี้นี่ได้อารมณ์ไปเต็มๆ แถมยังได้ปูไปถึงผู้นำซากทัพรุ่นก่อนๆ ก่อนจะมาถึงรุ่นของ เหลียวหยวนหว่อได้เป็นผู้นำซากทัพด้วย 

   เรื่องราวของครอบครัว ความสูญเสีย การล้างแค้น รวมอยู่ในเล่มนี้แล้ว ใครแค้นใคร ใครสูญเสียสิ่งใด และใครที่เปลี่ยนความคิด การดำเนินชีวิตก้าวไปสู่ แผนล้างแค้นที่ยิ่งใหญ่ขึ้นยังไง จุดจบของเขาเหล่านั้นจะจบลงกันตรงไหน ขอให้ไปติดตามหามาอ่านกันได้เลยครับ (เขียนซะอย่างกับอวยหนังใหม่เข้าโรง ฮ่าๆๆ) 

แล้วพบกันใหม่กับเล่มหน้าครับ สวัสดีครับ




รายละเอียดเพิ่มเติม


  • ชื่อหนังสือ : หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษ เล่ม 3 ซากทัพ (จูล่ง) 
  • ผู้เขียน Wang Yi Xing (หวังอี๋ซิง) 
  • ผู้แปล ม.ประภา 
  • ISBN : 9789742282356 (ปกอ่อน) 408 หน้า 
  • ขนาดรูปเล่ม : 145 x 210 x 24 มม. 
  • น้ำหนัก : 495 กรัม 
  • เนื้อในพิมพ์ : ขาวดำ 
  • ชนิดกระดาษ : กระดาษถนอมสายตา 
  • สำนักพิมพ์ : โพสต์บุ๊กส์ 
  • เดือนปีที่พิมพ์ : --/2015
  • ราคา : 295.- บาท 

    

ขอแค่ 7วัน กับ หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษ เล่ม2 ฟ่งเซิน (ลิโป้)






          ถือว่าเป็นการเขียนรีวิวหนังสือ รวมกับเรื่องขอแค่ 7 วันรวมกันไปเลยนะครับ สืบเนื่องจากได้ข่าวว่า หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษเล่ม 3 กำลังจะออกแล้ว เล่ม 2 ที่มีอยู่นี่ยังไปไม่ถึงไหนเลยกองไว้ตั้งหลายเดือนถ้าไม่อ่านก่อนเล่ม 3 มาก็จะไม่ได้อ่านแน่ๆ เพราะส่วนตัวแล้วผมอยากอ่านเล่ม3 ที่เป็นเล่มของ เหลียวหยวนหว่อมากกว่า 

      เลยถือโอกาสใช้เจ้าโครงการขอแค่ 7วันใช้กับเล่มนี้ซะเลย สำหรับท่านที่ตามไม่ทันโครงการนี้คืออะไรอ่านได้ที่นี่เลยครับ ละลายพฤติกรรมขี้เกียจด้วยโครงการขอแค่ 7 วัน ซึ่งถือว่าผมห่างมานานเลยกับขอแค่ 7 วันทำนู่นทำนี่ปกติ จนรู้สึกว่ามีงานเร่ง ฮ่าๆ เร่งอ่านเล่มนี้ให้จบเลยเข้าต้องเข้าโครงการซะ สรุปว่าผ่านไปด้วยดีหลังจากวางทุกอย่างที่ไม่ใช่งานที่ต้องทำลง ตัดทุกการพักผ่อนทุกความสนใจมุ่งมาที่ หงสาเล่มนี้ ก็ใช้เวลาอ่านหนังสือ 367 หน้าไป 6 วัน……. ห๊าาาา 6วันเชียว คนอื่นเขาวันเดียวก็จบแล้วมั๊ง ฮ่าๆๆ 

     มาเข้าส่วนของการรีวิวหนังสือกันดีกว่า 

      หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษ เล่ม 2 นี้เป็นเนื้อหาของ เทพนักรบ ฟ่งเซิน หรือ ลิโป้ ที่ทุกๆคนรู้จักกัน เล่มแรกรีวิวไว้แล้วตามอ่านได้ที่นี่เลย หงสาภาคพิเศษเล่ม1 เป็นเรื่องเสริมเติมเนื้อหาจากหงสาจอมราชันย์ภาคการ์ตูน ภายในเล่มเป็นช่วงเวลาของลิโป้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนถึงลำดับเหตุการณ์และที่มาต่างๆว่า กว่าจะก่อกำเนิด มนุษย์ผู้หนึ่งให้กลายมาเป็นเทพนักรบ ที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ได้นั้น เขาเติบโตมายังไง มีแนวคิดยังไง และอะไรที่มีผลกระทบที่ทำให้ลิโป้มีแนวคิดแบบนั้นได้ 

      ช่วงเวลาหลักๆ จะเป็นช่วงเด็ก ช่วงอยู่กับ เต็งหงวน และตั๋งโต๊ะ ซึ่งเล่มนี้จะสนุกกว่าเล่มแรกอยู่พอควร เพราะเล่มเตียวหุยนั้นจะเป็นการเติมเหตุการณ์ว่าทำไม เตียวหุยถึงกลายเป็นคนอารมณ์แบบนั้นและมีหน้าลายได้ยังไง แต่สำหรับลิโป้นั้น จะหลายมิติมากทั้งตัวลิโป้เองและเหล่าบรรดาลูกน้องเทพๆของลิโป้ ที่มีความเป็นมาเป็นไปยังไง 

      มีเรื่องเล่ห์เหลี่ยมเฉือดเฉือนกันรวมทั้งฉากบู๊ ที่เหมาะกับเป็นเรื่องหงสาเสียหน่อย เพราะเล่มก่อนออกมาแนวดราม่าอย่างเดียว เรียกว่าได้อรรถรสทั้งดราม่า ทั้งบู๊ และการวางแผนการต่างๆนาๆของแต่ละคนในเล่ม 

     สรุปเลยว่า ถ้าเรารู้จักลิโป้จากสามก๊กเวอร์ชั่นวรรณกรรม ว่าเป็นคน โง่ๆบ้าพลังเก่งบู๊ที่เห็นแก่ลาภยศ และได้อึ้งว่า ที่แท้ลิโป้กลับเก่งทั้งบุ๋นและบู๊สมกับฉายาเทพนับรบแล้วนั้น เมื่อมาอ่านนิยาย หงสาจอมราชันย์ภาคพิเศษเล่มนี้ เราจะอึ้งได้อีกขั้นว่า ลิโป้ไม่ได้ถูกอุปโลกขึ้นมาว่าให้เก่งทั้งบุ๋นและบู๊เฉยๆ กว่าจะเติบใหญ่ขึ้นมาได้นั้น ต้องเรียนรู้และฝึกแนวคิดของตนยังไง พานพบกับสิ่งใดบ้างจนบางทีก็หลงเพลินจนแอบคิดว่า  "นี่คือประวัติของลิโป้จริงๆที่มีเลือดมีเนื้อ มีอารมณ์ความคิดซะมากกว่าจากวรรณกรรมที่เราเคยอ่านมาเสียอีก"  

    แต่ก็อย่างว่านะครับ หากไม่มีสุดยอดวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ออกมาก็คงไม่เกิดส่วนเติมเต็มต่างๆทั้ง หงสาและ หงสาภาคพิเศษออกมาให้เราได้เพลิดเพลินต่อเติมจินตนาการและความคิดได้แบบนี้แน่ๆ 


ชักอดใจรอเล่ม3 ไม่ไหวแล้วสิ เหลียวหยวนหว่อ ผู้นำแห่งซากทัพ   แล้วพบกันใหม่ครับ

……………………………..


ข้อมูลจากสำนักพิมพ์

หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษ เล่ม 2 : ฟ่งเซิน (ลิโป้)

จากตำนานสามก๊กสู่ “หงสาจอมราชันย์” สุดยอดนิยายที่จะทำให้คุณเลือดลมพลุ่งพล่าน!!! เรื่องราวของลูกสามแซ่ อมนุษย์ และเทพนักรบ คือบุรุษผู้ถือทวนบนหลังม้าเซ็กเธาว์
  • ผู้เขียน: หวังซิง
  • ผู้แปล: ม.ประภา
  • ผู้เรียบเรียง: -
  • ISBN: 9789742282189
  • ขนาด: 14 x 21 ซม.
  • ราคาปก: 295.00 บาท 
  • ราคาสั่งซื้อทางเว็บ: 250.00 บาท




รีวิว boox c67ML carta เครื่องอ่านอีบุคขุมพลังแอนดรอยด์

     สวัสดีครับวันนี้ผมมีของเล่นชิ้นใหม่มาบอกเล่าให้ฟังกัน เป็นเครื่องอ่าน e-book ที่ใช้เทคโนโลยี e-ink ที่ไม่มีแสงออกมาทำให้เสียสายตาเหมือนกับจอ lcd เหมาะกับนักอ่านตัวยงทั้งหลายนะครับ ต้องออกตัวก่อนว่าตัวนี้ ไม่ใช่รีวิวอวยสินค้านะครับ 555 หาข้อมูลเองหลงไปเจอเองแล้วก็ควักกระเป๋าซื้อมาเอง 


    เจ้าตัวนี้เป็นเครื่องอ่าน e-book ชื่อสินค้าคือ boox c67ml carta เป็นรุ่นที่สองของตระกูล c67 ที่เข้ามาในบ้านเรา (คนขายบอกว่า ถ้าเทียบรุ่นกัน c67 คือ kindle paperwhite1 และ C67carta คือ kindle paperwhite2 ) มาดูหน้าตาของมันกันก่อนนะครับ





     เอาเป็นว่าการรีวิวครั้งนี้ผมขอเทียบกับ kindle paperwhite แล้วกันนะครับ เพราะก่อนหน้าจะมาใช้ตัวนี้ ผมเคยใช้ kindle paperwhite  ทั้งสองรุ่น (หลักฐานครับ อันนี้รีวิว kindle ของผมเอง https://www.youtube.com/watch?v=rCV5k2XVptE) 

    และหลายๆคนที่จะหลงมาเจอรีวิวนี้ได้ ก็ต้องเป็นคนที่เคยใช้พวกตระกูล e-ink tablet หรือ e-book reader มาก่อนบ้างแล้ว ส่วนเรื่อง หน้าตารูปร่างหรือสเปคละเอียดมีตัวแทนจำหน่าย (ที่ผมไปซื้อมา) ได้รีวิวอย่างละเอียดไว้ในยูทูปแล้วล่ะครับ ลองเอาชื่อ boox c67 หาในยูทูปได้


หลังจากใช้งานมาได้ 2-3 วันเป็นยังไงกันบ้าง

     เนื่องจากเป็นเครื่องแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 4.2.2 ดังนั้นการทำงานก็จะคล้ายๆกับ มือถือ แท็บเล็ต แอนดรอยด์ทั่วไป ซึ่งเทียบกันหมัดต่อหมัด กับ kdp (ขอย่อ kindle paperwhite ว่า kdp นะครับ) เรื่องความเร็วในการเปิดหน้า หรือการใช้งานแบตเตอรรี่ ดูจะเป็นรอง kdp ครับเพราะ ระบบคงจะมีการรันตลอดเวลาเพราะเป็นเหมือนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทั่วไป ต่างจาก kdp ที่เป็นระบบที่แทบจะไม่ใช้แบตเลยเมื่อไม่ได้เปิดเครื่องอ่านหนังสือ kdp ตอนปิดเครื่องเป็นอาทิต แบตแทบจะไม่ลดเลย ต่างจาก booxc67 ที่แค่คืนเดียวแบบก็หายไป 2-3 เปอเซ็นต์ 

      แต่ก็แก้มือมาดีครับ boox c67 ตัวนี้มีระบบ turn off เครื่องตัวเองตามเวลาที่กำหนด ถ้าหยุดอ่านไปสักชม.ก็ต้องคอยมาเปิดเครื่องกันบ่อยๆ แต่ก็แลกกับแบตที่ใช้นานเป็นอาทิตย์เหมือน e-book reader ทั่วไป 

     ปัญหาของโปรแกรม ไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะเครื่องผม หรือเป็นที่ซอฟแวร์ ที่ชอบขึ้น error ตามภาพ เวลาเปิดหนังสือเล่มใหม่ที่ยังไม่เคยเปิด แต่พอเปิดอีกรอบก็เป็นปกติ แรกๆก็กังวลแต่หลังๆก็ชินครับ เหมือนต้องเด้งกันครั้งแรกก่อนทุกครั้งไป ซึ่งอาจจะแก้ไขได้ต่อไปในการอัพเดทระบบ รอบต่อๆไปก็ได้



      ระบบความละเอียดและแสงช่วยอ่าน เมื่อเทียบกับ kdp2 ถือว่าความละเอียดคมชัดพอกัน ระบบแสงช่วยอ่านในที่มืด ยังพบกว่าการกระจายแสงไม่เนียนเท่า kdp2  คือเนียนตามากนะครับ ดีกว่า kdp1 แต่ถ้าวัดแบบรุ่นต่อรุ่น ก็ยังไม่เท่า kdp2 ที่เนียนสว่างเท่ากันทั้งจอ ไม่มีส่วนไหนสว่างเพี๊ยนกว่าเลย  ตรงจุดนี้คือว่าเล็กน้อยมากครับ 

     มาถึงข้อดีที่ kdp เทียบไม่ติดเพราะมันเป็นแอนดรอยด์ครับ ซึ่งมันสามารถลงแอพอ่าน ebook เจ้าอื่นๆเช่น meb หรือ dropbox  ซึ่งทำให้เราดึกเอกสารที่ฝากไว้บน dropbox และอ่านหนังสือที่ซื้อไว้ในแอพอ่านหนังสือต่างๆได้ทันที แอพ kindle เองก็ได้ด้วย แต่ความคมชัดจากการอ่านผ่านแอพก็จะสว่างชัดมากน้อย แล้วแต่การออกแบบสีสันของแอพนั้นๆนะครับ  ทางทีดีแนะนำอ่านจากไฟล์ pdf epub mobi พวกนี้ดีกว่า ใช้ตัวอ่านไฟล์ของระบบเครื่องมันอ่านจะชัดกว่า 




      ฟังชั่นในการอ่านไฟล์และ pdf ก็ค่อนข้างเยอะ เลือกหมุนหน้าจอได้ตามต้องการ มีระบบเลื่อนซ้ายขวา เลื่อนตามคอลัมน์ ตัดหน้ากระดาษขยายกว้างสุด หรือความเข้มของอักษร ที่ใช้ได้ทั้ง ไฟล์เครื่องและ pdf จากรูปตัวอย่างด้านล่างเป็นไฟล์ pdf นะครับ ก็ต้องอ่านแนวนอนตามสไตล์เพื่อให้ได้ตัวอักษรไม่เล็กไป 



     และข้อดีอีกอย่างคือ มันเพิ่มเมมโมรี่ได้เป็น micro sd ทั่วๆไปนี่แหละครับ 


********** เรื่องจำนวนวันในการใช้แบต หรือปัญหาในการใช้งานถ้ามีอะไรที่ผิดปกติ ผมจะรีบมาลงนะครับ แต่จากการใช้งานมายังไม่พบปัญหาอะไรนอกจากที่เขียนไว้ด้านบนครับ 


     สรุปสั้นๆ นะครับถ้าคนที่เคยใช้ kindle  มาตลอดแล้วรู้สึกว่า kindle paperwhite เป็นระบบปิดเกินไป ต้องการอ่านไฟล์จากหลากหลายช่องทาง หรือ kindle รุ่นก่อนๆหน้าแล้วจะเขยิบมาเป็นรุ่นมีแสงและอ่านได้หลากหลายขึ้น ก็คุ้มครับ กับราคา 5990 เพิ่มอีก 300 ได้เคสแบบสลีปโหมด (แนะนำให้ซื้อเถอะครับอย่าเหนียว มันหากันยากนะเคส ebook reader เนี่ย)  แต่ต้องแลกกับการใช้งานที่รู้สึก หน่วงๆอยู่บ้าง ถ้าเทียบกับ kindlepaperwhite ผมเทียบแต่กับ kdp นะครับ เพราะไม่เคยใช้ยี่ห้ออื่นๆ แต่ถ้าเทียบกับ kindle ในตระกูลที่ต่ำกว่า kdp ถือว่า เทียบเท่าหรือเร็วกว่า และภาพ pixel ก็ละเอียดกว่าครับ หรือถ้าท่านอ่านแต่ หนังสือฝรั่งซื้อจาก amazon เป็นประจำ pdf หรือของไทย เป็นรอง ขอให้โดดไป kindle voyage ที่สุดแห่งเครื่องอ่านอีบุ๊คส์ได้เลยครับ ฮ่าๆๆ แต่ถ้าเน้นไทย อ่านหลากหลายแอพ หลายรูปแบบไฟล์ ราคาพอได้ ก็ boox c67 นี่แหละครับครบเครื่อง 

   ข้อสังเกตอีกข้อ ผมเห็นมีจออะไหล่ขายใน amazon ระบุว่าจอนั้นใช้ได้กับ kdp และ boox c67 ตัวนี้เลยคาดกว่าน่าจะได้ความละเอียดหน้าจอในระดับเดียวกับ kdp และเมื่อขนาดหน้าจอเท่ากัน เราสามารถสั่งซื้อ ฟิล์มกันรอยที่เป็นของ kindle paperwhite มาติดได้ครับ


สุดท้ายแล้ว อันนี้ไม่ใช่สปอนเซอร์ผมนะครับแต่ผมซื้อสิ่งต่างๆมาจากที่เหล่านั้น เผื่ออ่านแล้วอยากจะถามว่าจะหาซื้อได้จากที่ไหน  

- ฟิล์ม และ kindle paperwhite จาก thaiexcite.com

- boox c67ml carta จาก http://hytexts.com เป็นเว็บใหญ่ที่ขายหนังสือ e-book และเป็นตัวแทนจำหน่าย booxc67 ด้วยครับ ซึ่งเมื่อมีเครื่องแล้วสามารถซื้อหนังสือภาษาไทยมาอ่านแบบปรับตัวอัักษรได้ เหมือนเราซื้อ kindle แล้วซื้อหนังสือจาก amazon ครับ ลองเข้าไปชมเว็บเขาก็แล้วกันนะครับ 

         ย้ำอีกครับนะครับ ผมไม่ได้ค่าโฆษณาหรือรับจ้างรีวิว แหล่งทั้งหมดที่กล่าวมา ผมหาเองค้นคว้าเอง ควักเงินและเดินทางไปซื้อมาเองล้วนๆ แต่ถ้าท่านใด จะไปซื้อแล้วจะบอกว่าเพราะอ่านมาจากบล็อกผมก็ได้นะครับ เผือคราวหน้าผมจะได้ส่วนลดอะไรกับเขาบ้าง 5555 


สวัสดีครับ แล้วพบกันใหม่

***ล่าสุดมีขนาดจอ 8 นิ้วออกมาแล้ว ตามอ่านได้ที่นี่ครับ ิboox i86plus *** 








สิ่งสมมุติ

ที่มาของภาพ:http://www.generation-nt.com/zoom-1574222,1879772-jeux-video-pc-consoles-revenus-marche.html
        
      ทำไมเราต้องแยกว่าเกมส์คือเรื่องของเด็กเรื่องของคนที่ยังไม่โต หรือเรื่องที่ไม่มีสาระ (สำหรับบางคน)  เกมส์สมัยนี้ต่างจากเมื่อก่อนมากๆที่เป็นเกมเล็กๆ แบบเกมส์ในเครื่องโทรศัพท์ แต่เกมส์มันก็ไม่ได้ต่างจากสิ่งบันเทิงต่างๆที่เกิดขึ้นให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้พักผ่อนกัน เพราะทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งสมมุติที่นอกเหนือไปจากชีวิตจริงอยู่แล้ว ก็เหมือนกับภาพยนต์ หรือละคร ก็เป็นเนื้อเรื่องสมมุติที่สร้างขึ้นมาให้เกินจริงบ้าง เกินจินตนาการ หรือเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ในชีวิตจริง ที่ทำออกมาให้เราได้ชม 

        เกมส์ ก็เป็นเพียงสิ่งสมมุติอีกอย่างที่สร้างขึ้นในลักษณะที่เราไม่ได้แค่เพียงได้รับชม แต่เราสามารถเขาไปมีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสิ่งสมมุตินั้น โดยที่เราก็รู้กันดีกว่าหลายๆอย่างนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิตจริงๆ 

        ถ้าคุณยังเป็นคนชอบดูภาพยนต์ แอ็คชั่น หรือหนังซีรี่ซึ้งกินใจอยู่ล่ะก็ อย่าไปว่าคนที่โตๆแล้วชอบเล่นเกมเลยครับ ถึงผม(ผู้เขียน) เองจะไม่ใช่คอเกมส์ หรือคนที่ชอบเล่นเกมอะไรมาก แต่บางทีก็รู้สึกหงุดหงิดกับการที่ใครสักคนมาดูถูกกิจกรรมของใครอีกคน ทั้งๆที่มองกันในแง่ของสาระสำคัญแล้ว มันไม่ได้ต่างกันเลย  มันก็แค่การพักผ่อนจากการใช้ชีวิตจริงๆของเราไปกับ จินตนาการที่ผู้สร้าง ได้ให้ความบันเทิงกับเรา ไม่ว่าจะ  ดู ฟัง อ่าน หรือ "เล่น" ก็ตาม

       

I am groot อายยย แอมม กรู๊ทททททท

     วันนี้ไปรับงานปั้นที่พรีออเดอร์ไว้ตั้งแต่แปดเดือนที่แล้ว (นานมากจนนึกว่าจะโดนชิ่งซะแล้ว) บางคนก็ว่าไม่เหมือนบางคนก็ว่าเหมือน แต่น่าจะไปทางไม่เหมือนซะมากกว่าเพราะกระแสในเว็บที่เล่นประจำดูเงียบๆ 

     แต่อาจจะเงียบเพราะว่ามันเปิดรับพรีแค่ 80 สิบตัวเองก็ได้ดังนั้นคนที่มีไว้ในครอบครองตอนนี้ก็ต่ำกว่า 80 แน่ๆเพราะบางคนก็พรีไว้สองตัว (ตอนนั้นเขาว่าไม่เกินสองตัวต่อคน) อย่ารอช้าเลยไปชมรูปกันดีกว่า



ลืมบอกสำหรับคนที่ไม่รู้จักเจ้าตัวนี้ เจ้านี่คือ Groot มนุษย์ต้นไม้ (มนุษย์ดาวนึงที่มีลักษณะแบบต้นไม้) จากภาพยนต์ฟอร์มยักษ์ ค่าย marvel เรื่อง gardian of the galaxy ใครยังไม่ได้ดูก็ไปหามาดูนะสนุกดี โดยเฉพาะฉากเจ้า groot ที่มีประโยคเด็ดทั้งเรื่องว่า 

"I........AM......... GROOT"






สรุปว่าเหมือนหรือไม่เหมือนหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่า วางเจ้า baby groot ไว้ข้างโต๊ะแล้วก็รู้สึกสดชื่นดีเวลามองหน้ามัน ก็แก้เหงาและให้กำลังใจได้ดีระดับนึง สำหรับช่วงนี้ที่เป็นช่วงอกหักรักคุดตุ๊ดขอเบอร์

ข้อความประทับใจจากคนอื่น

ข้อความประทับใจจากคนอื่น

- "นึกภาพ ลงมือทำ และเชื่อในจักรวาลของคุณเอง แล้วจักรวาลจะเกิดขึ้นรอบตัวคุณ" จากหนังสือ ใช้ความสุขทำกำไร หน้า 113

การลง mt4 โปรแกรมเทรด forex บน linux

บทความนี้ผมก๊อปปี้ บทความของตัวเองที่เคยเขียนไว้ใน เว็บบอร์ดห้องสมัยมัธยม เป็นบอร์ดฟรี กลัวว่าทิ้งไว้นานมันจะหายเลยก๊อปย้ายมาลงไว้ที่นี่นะครับ 

เป็นวิธีการลงโปรแกรม metatrader4 โปรแกรมซื้อขายค่าเงิน forex ในระบบปฏิบัติการ linux นะครับ




คำเตือน บทความแนะนำการใช้โปรแกรม metatrader4 เป็นไปเพื่อการศึกษาและเรียนรู้เท่านั้น มิได้สนับสนุนให้มีการลงทุนจริงแต่อย่างใด และการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน  

  สวัสดีครับเพื่อนๆและผู้ที่หลงเข้ามาเจอ วันนี้ผมจะแนะนำวิธีใ้ช้ mt4 กับ linux กันนะ สำหรับคนที่เป็นเซียนลีนุกซ์ข้ามไปได้เลย
  พอดีว่าอยากลองใช้ลีนุกซ์ดู เพราะใส่mt4ของตัวเองใส่อินดี้เยอะๆ รันนานๆมันดูหน่วงๆเครื่อง เขาว่ากันว่าลีนุกซ์มันเสถียรก็เลยลองดู
แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ทดสอบจนเห็นความแตกต่าง แต่ก็สามารถรัน mt4 ใส่อินดี้ รันแบ็คเทส ได้ไม่มีปัญหา แต่ติดตรงตอนปรับค่าของอินดิเคเตอร์
เหมือนว่า มันจะเปลียนตัวเลขในช่องป๊อปอัพที่ปรับค่าอินดิเคเตอร์ไม่ได้ (ป๊อปอัพที่กด Ctrl+I ขึ้นมา) ผมแก้ปัญหาโดยเข้าไปแก้ที่ตัวอินดิเคเตอร์โดยตรง
จาก metaeditor

ขอเกริ่นเล็กน้อย (สำหรับผู้รู้พื้นฐานของทั้งลีนุกซ์และ mt4 โปรดข้ามไป)
- linux คือระบบปฏิบัติการหนึ่งเหมือนกับ microsoft windows อยากรู้เพิ่มรวมถึงการใช้งานการติดตั้งศึกษาที่นี่  http://forum.ubuntuclub.com/
- metatrader4 คือโปรแกรมใช้สำหรับซื้อขายในตลาด forex สามารถใช้งานเพื่อเล่นกับตลาดจริงๆกับเงินปลอม ใน demo account ได้

มาว่ากันด้วยเรื่องการลงโปรแกรมเลยดีกว่า ขั้นตอนนี้จะเริ่มหลังจาก ทุกคนมีลีนุกซ์(ที่ผมใช้คือ linux ubuntu) และติดตั้งโปรแกรมชื่อ wine ในลีนุกซ์แล้วนะครับ
สั้นๆสำหรับคนที่เคยใช้งานลีนุกซ์อย่างชำชอง คือเราแค่ไปก๊อปฟ้อนต์จาก วินโดวส์ และไฟล์ mcf4*.dll มาใส่ใน wine

อธิบายง่ายๆไม่ต้องยาก สำหรับคนที่ลงทั้งวินโดวส์และลีนุกซ์ ก๊อปฟ้อนทั้งหมดมาเก็บไว้ก่อน และก๊อปไฟล์ mcf4*.dll (หมายถึง mcf4แล้วต่อด้วยอย่างอื่นเช่น
mcf40.dll mcf42.dll) มาไว้ก่อน ทั้งสองอันนี้แยกกันและเก็บไว้ในที่ๆเราจำได้ก่อน เดี๋ยวเราจะมาเอามันตอนเข้า linux ubuntu แล้ว (จริงๆมาก๊อปเอาทีหลังตอนเข้าลีนุกซ์แ้ล้วก็ได้ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ลีนุกซ์จะงง หาไ่ม่เจอว่า ไฟล์ระบบของวินโดวส์อยู่ไหน)

แล้วไฟล์ที่ว่านี่อยู่ไหน? ตามนี้เลย ไฟล์จากFonts เข้าตามนี้ >C:\WINDOWS\Fonts  
          ไฟล์mcf4*.dll เข้าตามนี้ >C:\WINDOWS\system32 (ค่อยๆหานะครับไฟล์ในโฟลเดอร์นี้มันเยอะ)

    พอเข้าด้วย linux ubuntu และจัดการลง wine เรียบร้อยแล้ว (ถ้าไม่รู้จักจริงๆ รบกวนศึกษาเพิ่มจาก google หรือโพสต์ถามทีหลังเอานะครับ) ได้เราก็เข้าไปเอาไฟล์ข้างบนที่ก๊อปเอาไว้มา วางในโปรแกรม wine โดยมีขั้นตอนดังนี้

     -เอาไฟล์ที่ก๊อปมาจากโฟลเดอร์ Fonts วางใน โฟลเดอร์ชื่อ Fonts ของ Wine  คลิกที่ application มุมบนซ้าย>wine>Browse drive_c>Windows>Fonts
     - เอาไฟล์ mcf4*.dll วางในโฟลเดอร์ชื่อ System32 ของ Wine คลิกที่ application มุมบนซ้าย>wine>Browse drive_c>Windows>System32


     ทั้งหมดถือว่าเป็นอันเสร็จพิธี เพื่อนๆสามารถหาโหลดโปรแกรม metatrader4 ได้จากโบรกเกอร์ทั่วไป แล้วลงโปรแกรมปกติเหมือนลงในวินโดวส์ครับ
หรือถ้าเพื่อนลงสองOS ในเครื่องเดียวแล้วลงโปรแกรม metatrader4 ไว้อยู่แล้ว ก็เปิดโปรแกรมใช้งานได้เลย เข้าที่ terminal.exe ของโปรแกรม mt4

     ถ้าสงสัยอะไรเพิ่มเติม ก็โพสต์ถามได้นะครับอะไรที่พอรู้ก็จะช่วยตอบอะไรที่ไม่รู้ก็จะพยายามหามาตอบ เพราะผมก็มือใหม่ทั้ง forex (ยังหัดdemoอยู่)ทั้ง linux ครับ ถ้ามีอะไรขาดหายหรืออยากเพิ่มเติมก็บอกกันนะครับช่วยๆกันนะ

การ ครีเอท task (arma)

จดไว้กันลืมนะครับ......
เป็นการสร้าง ภารกิจย่อยๆในเกม ที่เวลาเล่นต้องไปทำหลายๆอย่างให้ครบ อย่างเช่น ไปถึงจุดนั้นก่อน แล้วเคลียร์จุดนี้ให้ได้ แล้วค่อยไปจุดอื่น ให้ทำให้ครบก็จะจบภารกิจ 

เริ่มที่ modules
ช่อง modules เลือก create task
ช่อง apply to เลือก Group of synchronised objects เพื่อเลือกกลุ่มที่ต้องทำตาม task นั้น
ช่อง task id พิมพ์ task1 
ช่อง title พิมพ์ชื่อ task ที่เราตั้งเอง 
description พิมพ์รายละเอียดของ title อีกที 



ต่อจากนั้น สร้าง modules อีกอันนึง
ช่อง modules เลือก set task stats
ช่อง stats เลือก succeded


แล้วเราก็ทำการลิ้งค์เพื่อให้สอง mudules เชื่อมกัน


หลังจากนั้น เราก็สร้าง trigger เงื่อนไข แล้วลิ้งค์ trigger มาเชื่อมต่อกับ modules succeeded ที่ทำไว้สักครู่
ภาพตัวอย่างด้านล่าง เงื่อนไขในการผ่าน task นี้คือฆ่าศัตรูในพื้นที่ตายหมด 




แต่ในส่วนของ trigger ไม่ขออธิบายนะครับ เพราะได้เขียนไว้ในบล็อคแล้ว ถ้าไม่รู้แล้วขี้เกียจหาก็ถามได้นะครับ พอเข้าเล่นในเกมแล้วก็จะมี task หรือภารกิจภายในเกม เหมือนโหมดเนื้อเรื่องที่เราเคยเล่น 




จบแล้วครับเนื้อหารอบนี้ สำหรับใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ arma จะเข้ามาเสริมหรือแนะนำเนื้อหาเพิ่มเติมได้นะครับ 


วิธี end game เมื่อศัตรูเหลือน้อย หรือตายหมด (ARMA3)

เกม arma คือเกม จำลองสถานการณ์การรบแบบสมจริงนะครับ ไว้มีโอกาสจะมาอธิบายยาวๆ สมจริงแค่ไหน ง่ายๆคือ บริษัทที่ทำเกมนี้ ทำสองเวอชั่น เวอชั่นนึงสำหรับคนทั่วไปเล่น อีกเวอร์ชั่นไว้สำหรับหน่วยงานทหารสำหรับฝึกซ้อมรบครับ นอกจากเล่นตามภารกิจในเกม ยังสามารถสร้างด่าน หรือภารกิจไว้เล่นเองหรือออนไลน์เพื่อให้เพื่อนๆมาเล่นด้วยได้ครับ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ที่นี่เลย  http://en.wikipedia.org/wiki/ARMA_3

เนื้อหาข้อมูลมาจากบอร์ดต่างประเทศหรือจากหลายๆแหล่ง มาบันทึกไว้กันลืมนะครับ


วิธี end game เมื่อศัตรูตายหมด
- เมื่อเราเข้าโหมด mission editor ด้านซ้ายจะมีเมนูรูปธง เรียกว่า trigger ไว้ใส่คำสั่งให้ unit กระทำสิ่งต่างๆเมื่อเข้ามาอยู่ในพื้นที่ๆ trigger ครอบคลุมเอาไว้

- ขยายขนาด ให้ trigger กว้างครอบคลุมทั้งเกาะ หรือพื้นที่เมืองที่ต้องการระบุว่าให้ศัตรูตายหมดในพื้นที่นั้นแล้วจะชนะ



- ตรง Activation เลือก OPFOR not present
- Type เลือก End1 (หรือจะ end ไหนก็ตามที่ต้องการหากภารกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น)


แต่วิธีนี้จะลำบากไป ถ้าไม่ต้องการฆ่าให้หมดนะครับ บางทีพื้นที่กว้างมากๆ ศัตรูหลบตามตึกนี่หากันตายเลย เกมไม่จบสักที ก็จะใช้อีกวิธีนึงคือแค่ให้เหลือน้อยๆ ก็ชนะ


วิธี end game เมื่อศัตรูเหลือน้อย 
- - เมื่อเราเข้าโหมด mission editor ด้านซ้ายจะมีเมนูรูปธง เรียกว่า trigger ไว้ใส่คำสั่งให้ unit กระทำสิ่งต่างๆเมื่อเข้ามาอยู่ในพื้นที่ๆ trigger ครอบคลุมเอาไว้

- ขยายขนาด ให้ trigger กว้างครอบคลุมทั้งเกาะ หรือพื้นที่เมืองที่ต้องการระบุว่าให้ศัตรูเหลือต่ำกว่าจำนวนเท่าไหร่ในพื้นที่นั้นแล้วจะชนะ

- Activation เลือก OPFOR present 
- Type เลือก End1 (หรือจะ end ไหนก็ตามที่ต้องการหากภารกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น) 
- ที่ตรงกล่อง CONDITION พิมพ์ count thislist < x  (หมายเหตุ X คือจำนวนที่่อยากให้ศัตรูเหลือเท่าไหร่แล้วจะชนะ) 




รวมลิ้งค์หนังสือโมเดล

รวมลิ้งค์หนังสือโมเดล

เอามาฝากไว้ที่นี่นะครับ เผื่อโพสต์มันตกไว  ไว้ให้เพื่อนๆจากเฟซแบช 1/6  มาโหลดไปใช้ทำฉากสวยๆ และคอชุดอุปกรณ์ทหารกันนะครับ  ถ้าก๊อปลิ้งไปเปิดในเบราเซอร์ อย่าลืมแก้ .xxx เป็น .pdf นะครับ


afv modeller
http://www.mediafire.com/view/1v0gpskn13oa2ap/AFV_Modeller_Issue_75_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/yn8cfzy1ybz9d27/AFV_Modeller_Issue_74_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/hauh45jd4u76pi9/AFV_Modeller_Issue_79_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/o79jx9hl99hoj2a/AFV_Modeller_Issue_77_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/6kkirw6aqducu13/AFV_Modeller_Issue_76_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/u2542588lvrr9dd/AFV_Modeller_Issue_78_-_superunitedkingdom.xxx




military machines
http://www.mediafire.com/view/2ae187s41mbdc0j/MilitaryMachinesInternational201401_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/424qc7yzgk8lj0o/MilitaryMachinesInternational201402_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/zmi5pg4352tdsc3/MilitaryMachinesInternational201403_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/orq6iywr178qp29/MilitaryMachinesInternational201404_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/vogr6589qrezlz0/MilitaryMachinesInternational201405_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/g9416cpa4449m9i/MilitaryMachinesInternational201406_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/yi0q51v656dj3ay/MilitaryMachinesInternational201407_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/a7lifkjog4cmzk1/MilitaryMachinesInternational201408_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/611k6wmydgvy023/MilitaryMachinesInternational201409_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/84990gp871c1j1j/MilitaryMachinesInternational201410_-_superunitedkingdom.xxx
http://www.mediafire.com/view/ao4yocbkbpji33a/MilitaryMachinesInternational201411_-_superunitedkingdom.xxx





military modelling
http://www.mediafire.com/view/ycjvjmmfw44qsdf/Military_Modelling_V44_N01_2014.xxx
http://www.mediafire.com/view/4rfdtagng4ftdm7/Military_Modelling_V44_N03_2014.xxx
http://www.mediafire.com/view/374k5a5cfkicha5/Military_Modelling_V44_N02_2014.pdf
http://www.mediafire.com/view/4ijjxzw6z42xpn1/Military_Modelling_V44_N04_2014.xxx
http://www.mediafire.com/view/yz33f4dc164de0j/Military_Modelling_V44_N05_2014.xxx
http://www.mediafire.com/view/87o3cbdibld21d4/Military_Modelling_V44_N06_2014.xxx
http://www.mediafire.com/view/vb90sbj6d3imc97/Military_Modelling_V44_N07_2014.xxx
http://www.mediafire.com/view/3dwybqn743kjid2/Military_Modelling_V44_N08_2014.xxx
http://www.mediafire.com/view/ocggn6qsz9eoa8v/Military_Modelling_V44_N09_2014.xxx
http://www.mediafire.com/view/v3cszmk51c1y4wr/Military_Modelling_V44_N10_2014.xxx
http://www.mediafire.com/view/dxv351cryd795b3/Military_Modelling_V44_N11_2014.xxx
http://www.mediafire.com/view/4uv5e1e2xdb4tx3/Military_Modelling_V44_N12_2014.xxx
http://www.mediafire.com/view/mt42ayza44o3dza/Military_Modelling_V44_N13__2014.xxx

หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษ เอ๊กเต๊ก (เตียวหุย)


หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษ เอ๊กเต๊ก (เตียวหุย)



รอมานานกับหนังสือนิยายเล่มนี้ ต้องขอเกริ่นคร่าวๆก่อนว่า หงสาจอมราชันย์คืออะไร 

     หงสาจอมราชันย์ คือหนังสือการ์ตูนที่ใช้เค้าโครงเรื่องจากวรรณกรรมสามก๊ก มาทำเป็นฉบับการ์ตูน ผู้แต่งคือ อาจารย์ เฉินเหมา โดยที่อาจารย์ท่านเป็นผู้ศึกษาสามก๊กมามากทั้งวรรณกรรมและฉบับพงศาวดาร และอาจารย์คงมีความคิดที่แต่งต่างออกไปจากฉบับวรรณกรรม ยกตัวอย่างเช่น ถ้าลิโป้ เป็นคนบ้าบิ่นบ้าพลังเก่งแต่ด้านบู๊ ทำไมถึงได้กลายเป็นยอดคนไปได้ หรือ เตียวหุยที่กำลังจะกล่าวถึง ที่เราส่วนใหญ่จะรับรู้กันว่า มุทะลุ บ้าพลัง บ้าบิ่นไร้สมองมีแต่กำลังและเจ้าอารมณ์ แต่กลับมีการกล่าวถึงกันว่า ไม่ได้เป็นคนขายหมูเท่านั้น แต่เป็นถึงจิตรกรผู้มากด้วยฝีมือซึ่งดูขัดกันแปลกๆ 




     นี่คงเป็นจุดๆนึงที่เป็นไอเดียของท่านในการสรรค์สร้าง สามก๊กแนวใหม่ในฉบับการ์ตูน ในแบบที่ไม่พูดถึงตรงๆกับเนื้อเรื่องหลักของสามก๊ก แต่ได้แต่งเสริมเนื้อหาในช่วงเวลา และเพิ่มเติมเหตุและผลของเหล่าตัวละครเข้าไป ให้เสริมกับเนื้อหาหลักของวรรณกรรมอีกที


แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหนังสือเล่มนี้ล่ะเกริ่นซะยาวเชียว

     ถ้าเอาตามที่ได้อ่านเนื้อหาในหนังสือรวมถึงจากที่อาจารย์ท่านได้พูดไว้ในหนังสือ หงสาจอมราชันย์ ภาคพิเศษนี้ จะกล่าวถึงที่มาที่ไปของตัวละครแต่ละตัวแยกออกมาจากภาคหลัก แต่ผู้แต่งฉบับนิยายไม่ใช่อาจารย์เฉินเหมานะครับ ผู้แต่งคือ หวังซิง นักเขียนหน้าใหม่ไฟแรงแต่กำลังโด่งดัง (ตามที่ข้อมูลว่ามานะครับผมก็ไม่รู้จักประวัติเขามาก่อน) ที่เหมือนจะรู้ใจและเข้าถึงความคิดของ อาจารย์เฉินเหมาได้เลยยกหน้าที่ สร้างสรรค์เนื้อหาส่วนเติมเต็มต่างๆในฉบับนิยายนี้ 

     ต้องบอกเลยว่า ถ้าเป็นแฟนหนังสือหงสาอยู่แล้วห้ามพลาดเด็ดขาด คุณจะรู้ว่ากว่าจะมาเป็น เตียวหุยเจ้าคนหน้าลายผู้นี้เป็นมายังไง ที่เราพอรู้เบื้องต้นว่า ไม่ได้มุทะลุอย่างที่คิดนะก็จะมีส่วนเสริมมาว่า เหตุใดถึงต้องทำตัวแบบนั้น แล้วนิสัยแท้จริงเป็นอย่างไร ว่ากันตั้งแต่ต้นกำเนิดเลยครับ 

     และในหลายๆบท ก็ยกเหตุการณ์ในการ์ตูนมาขยายเนื้อหาและบทให้ลึกซึ้งเข้าไปอีก ตามที่อาจารย์ท่านบอกไว้ในคำนำ คือการ์ตูนก็สามารถถ่ายทอดเนื้อหาได้ในระดับนึงแต่หากต้องลงรายละเอียดทั้งหมดลงในการ์ตูนคงต้องอ่านกันชั่วลูกชั่วหลาน จึงเก็บส่วนรายละเอียดไว้มาแยกเป็นนิยายดีกว่า

     สำหรับคนที่ไม่รู้จักหงสามาก่อนแนะนำให้หาการ์ตูนมาอ่านก่อนครับ เพราะในหนังสือแต่ละบทจะมีเนื้อหาจะไม่ต่อกัน แต่จะยกช่วงเวลาหนึ่งๆของเตียวหุยมาเล่าให้ฟังเป็นตอนๆ สำหรับแฟนสามก๊กฉบับวรรณกรรม ถ้าอยากจะลองอ่านดูเล่นๆว่า เตียวหุยในเวอร์ชั่นใหม่ ที่มีความตื้นลึกและมิติของตัวละครมากขึ้น ก็อ่านได้เลยครับเหตุการณ์ต่างๆจะเกาะไปกับสามก๊กอยู่แล้ว บวกกับฝีไม้ลายมือการแปลของ ม.ประภา ที่ใช้คำและสำนวนได้ลุ่มลึกมาก มาตั้งแต่หงสาฉบับการ์ตูนแล้วด้วยยิ่งสนุกมากๆ

    สำนวนการแปลเหมือนเดิมแต่ได้ความละเอียดในแบบที่ฉบับการ์ตูนไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้หมด และถ้ากล่าวว่า "หงสาฉบับการ์ตูนคือส่วนเติมเต็มที่ทำให้วรรณกรรมสามก๊ก สนุกและเข้มข้นขึ้น หงสาภาคพิเศษนี้ก็ยิ่งเป็นส่วนขยายของหงสาให้ สนุก เข้มข้น และลุ่มลึกได้เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว"

"คนๆนึงไม่จำเป็นต้องมีด้านเดียวเสมอไป และด้านที่เรารับรู้นั้นเมื่อเวลาผ่านไปที่เหลือเพียงเรื่องเล่าอาจจะต่างจากความเป็นจริงของคนผู้นั้นอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้" 

แอบสปอยด์เล็กๆว่า บทที่ 5 บีบคั้นอารมณ์สุดๆ และทำให้ผมหลงรักตัวละคร เตียวหุย ในเวอร์ชั่นหงสาผู้นี้มากขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว 








ขอแค่ 7 วันกับการเล่นโกะ

     หลังจากที่ได้คุยกันไปถึงเรื่องขอแค่ 7 วันกับการทำสิ่งต่างๆ สิ่งแรกที่ผมเริ่มคือการ เล่นโกะ เกมกระดานที่ผมเคยสนใจมานานเคยเล่นอยู่พักนึงแล้วก็หยุดไปหลายปี ข้อแรกแรกที่ทำให้ผมไม่ค่อยได้เล่นมันเพราะข้ออ้างแรก มันเป็นเกมกระดานที่ใช้เวลานานในการเล่นแต่ละกระดาน อยู่ที่ ครึ่งชม.ถึงสองชม.ได้ ข้ออ้างที่สองก็เหมือนที่เคยว่าไว้ครับ เสียดายเวลาแล้วคิดแต่ว่ามันทำให้เสียเวลาทำอย่างอื่น

      ก่อนที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นใน 7 วันที่ผ่านมา ขออธิบายสั้นๆสำหรับคนที่ไม่รู้จักว่าโกะคืออะไรก่อนนะครับ โกะ ในภาษาญี่ปุ่น หรือ weiqi ในภาษาจีน หรือ หมากล้อม ในภาษาไทย เดิมนั้นถือกำเนิดขึ้นในประเทศจีน และต่อมาได้แพร่เข้าสู่ญี่ปุ่นและเกาหลีและมารุ่งเรื่องมากในญี่ปุ่น 




      ลักษณะเป็น กระดานเกมกระดานที่ตีเส้นตารางขนาด 19x19 และใช้ตัวหมากสีดำและสีขาวเม็ดกลมแบน การแพ้ชนะกันจะเป็นไปในลักษณะที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยึดพื้นที่หรือล้อมฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่ากัน และด้วยควาที่มันมีแค่ช่องตารางกับเม็ดแบนๆ ทำให้การพลิกแพลงการเดินมากได้หลากหลายและซับซ้อนมาก....... เอาสั้นๆแค่นี้ก่อนนะครับ ใครสนใจเพิ่มเติมก็ถามอากู๋เอาได้เลย 

        ความนี้มาถึงคิวของโครงการขอแค่ 7 วันของเราบ้าง


"ผมได้อะไรจากการขอเวลาแค่ 7 วันเพื่อเล่นโกะอย่างเดียว"

       อย่างทีเคยคุยกันนะครับ เราไม่ได้ต้องการเป้าหมายยิ่งใหญ่หรือผลเป็นเลิศในการทำสิ่งนั้นๆ เพราะมันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ 7 วัน แต่เป้าหมายหลักๆคือ ปรับพฤติกรรมการผลัดวันประกันพรุ่ง และการกลัวว่าจะเสียเวลาจนไม่เป็นอันได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน  

        ดังนั้นการเล่นโกะอย่างเดียว 7 วันโดยไม่ทำอย่างอื่นเลยของผมต้องบอกว่า พอไปวัดไปวาได้ครับ อยากแรกเลยคือใน 7 วันนี้ ผมแอบอู้ไปนั่งดูหนังที่เพิ่งออกมาใหม่ นั่งเล่นคอมจนถึงเวลานอน ไปถึง 3 วัน แต่ใน 4 วันที่ได้เล่นนั้น รู้สึกดีขึ้นมากครับ ทุกทีที่กลับมาบ้านเห็นกระดานมันวางจนฝุ่นเกาะ พอจะเล่นก็ฝุ่นเกาะสมองเล่นไม่เป็นไปซะแล้ว

       มันทำให้การเล่นโกะกลับมาเป็นรูปเป็นร่าง คือเริ่มวางหมากแล้วคิดเผื่อหมากต่อไปได้อีกสักสองสามตา อย่างที่เคยบ้าๆเล่นเหมือนก่อน  รู้สึกได้สมาธิและประโยชน์ต่างๆที่ได้จากการเล่นโกะกลับคืนมา เวลาช่วงว่างๆในช่วงกลางวัน ปกติก็จะเปิดคอมไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย ช่วง 7 วันที่ผ่านมาก็จะพยายามอ่านเรื่องโกะ หรือดูหมากต่างๆของคนเก่งๆ 

        สนุกดีครับ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ไร้สาระ ไม่ใช้เวลาไปอย่างไร้ค่าได้ในระดับนึง ใครที่ผ่านมาได้อ่านก็ลองเริ่มต้นดูนะครับ อย่าลืมนะครับ ขอแค่ 7 วันในการตั้งใจทำอะไรสักอย่างไม่สนว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระแค่ไหน เอาแค่เป็นสิ่งที่เราอยากทำและไม่ได้ทำมานาน แต่ไม่ใช่ให้หยุดงานมาทำหรือหมกมุ่นกับมันเกินไปนะครับ หมายถึงให้ใช้เวลาที่ไปทำอะไรเรื่อยเปื่อยมาตั้งเป้าแต่เรื่องๆเดียวใน 7 วันไม่สะเปะสะปะ 

แล้วอีก 7 วันข้างหน้าผมจะทำอะไรต่อเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังนะครับไว้เจอกันใหม่
        
        

มันเริ่มต้นมาจากการกดผิด

มันเริ่มต้นมาจากการกดผิด

     คนส่วนใหญ่มักจะเรียนรู้คำสั่งลัดใหม่ๆ บนคีบอร์ดจากการกดผิด เพราะส่วนใหญ่เรามักจำหรือหาวิธีกดแค่ปุ่มที่เราต้องใช้กันบ่อยๆ ก็คงเหมือนกับชีวิตคนเราที่มักจะได้ศึกษาหรือทำอะไรเพราะมันจำเป็นต้องรู้จำเป็นต้องทำ 
     ส่วนการเรียนรู้แง่มุมใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆของชีวิตก็มักจะมาจากความผิดพลาด หรือการลองผิดลองถูกอย่างไม่ตั้งใจเสมอ ถ้าอยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆ บางทีก็อย่าไปจำกัดรูปแบบการกระทำของเราซะเกินไป ปล่อยๆให้ได้ลองผิดถูกดูบ้าง 


เรามักเรียนรู้เส้นทางใหม่ๆ และเข้าใจเส้นทางบนถนนจากการหลง มากกว่าจากเนวิเกเตอร์ 


เรามักจะเจอร้านอาหารอร่อยๆที่ไม่เคยกินมาก่อน จากการที่ร้านเดิมคนแน่น หรือต้องแวะหาอะไรรองท้องกลางทาง

เรามักจะเจอคนดีๆ เพื่อนดีๆ หรือคนรัก จากการไปนั่งดื่มชิวๆแก้เซ็งกับเพื่อน แล้วไม่รู้ว่ามันก็ดันพาคนอื่นมาด้วย 

     แต่ทั้งหมดที่ว่าไปนั้นก็ใช่ว่าจะเจอแต่เรื่องดีๆไปซะหมดกับการลองอะไรใหม่ๆ บางทีก็มีให้เจ็บใจต้องจดจำ แต่นั่นก็คือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอีกเหมือน

จัดการไฟล์ในเครื่อง mac ง่ายๆด้วย diskwave

       พอดีว่ากำลังมีปัญหากับเครื่อง mac ที่เริ่มไม่เหลือพื้นที่แล้ว ด้วยความที่เป็นคน pc มาตลอดเลยไม่รู้จะทำยังไงดี เข้าไปดูข้อมูล info ก็จะเจอข้อมูลที่บอกว่ามีไฟล์ other อยู่มากเลยแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร ผมก็เลยไม่รู้จะไปลบมันยังไง จะไล่ดูเชคทีละโฟลเดอร์ทีละไฟล์มันก็ดูจะยุ่งยากไป



       ผมเลยลองเซิร์ชหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็บังเอิญเจอโปรแกรมดีๆ ตัวนี้แถมฟรีด้วย (ถ้าใช้ดถูกใจก็ช่วย donate ให้เขาด้วยนะครับ) โปรแกรมนี้มีชื่อว่า diskwave ครับ เซิร์ชกูเกิ้ลปุ๊บจะเจอทันที เข้าไปหน้าเว็บของเขาก็จะเจอหน้าตาประมาณนี้ มีให้ download ได้ง่ายๆตรงด้านซ้ายมือ



      หลังจาก download และติดตั้งแล้วก็จะได้หน้าตาโปรแกรมที่จะบอกรายละเอียดของขนาดไฟล์ภายในเครื่องของเรา ตรงมุมด้านบนก็ยังมีปุ่มที่ให้เปิดโฟลเดอร์นั้น หรือว่าจะลบเลยก็ได้ทันที สะดวกมากๆครับ  หลังจากที่ผมคาใจกับไฟล์ในเครื่องก็จัดการได้ง่ายขึ้นเยอะ



อย่าลืมนะครับ ถ้าใช้แล้วถูกใจอย่าลืม donate เขาหน่อยนะครับ คนทำจะได้มีกำลังใจและรายได้แล้วทำโปรแกรมดีๆมาให้เราใช้อีก

ละลายพฤติกรรมขี้เกียจด้วยวิธี "ขอแค่ 7วัน"

 
       


        เนื่องจากหลายวันมานี้ผมนั่งดู วิดีโอของ TEDtalks (งานที่นำผู้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆมาพูดบนเวทีในเวลาสั้นๆ) ของคนเก่งหลายๆคนและนำไอเดียมามั่วๆรวมๆกัน เพื่อหาวิธีแก้ความขี้เกียจของตัวเอง
             
           
           คุณเคยขี้เกียจมากๆบ้างหรือเปล่า อย่างผมที่ขี้เกียจแม้กระทั่งเรื่องเล่นๆ เนื่องจากเหตุผลต่างๆนาๆ เวลา เงิน และอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น ผมทำงานกลับบ้านวันๆนึงจะเหลือเวลาก่อนนอนประมาณ 2-3 ชม. หลังทำกิจวัตรประจำวันแล้วก็จะเหลือ 2ชม. ดังนั้นอย่าว่าแต่จะไปทำอะไรที่เป็นสาระเลย หลายๆอย่างที่ไร้สาระที่อยากทำต่างๆก็ไม่ได้ทำเป็นเพราะอะไรกันล่ะ

            แล้วเรื่องอะไรไร้สาระของผม ก็อย่างเช่น เกม arma (ไว้จะเขียนถึงเกมนี้ในโพสต์อื่นคราวหน้า) ที่อยากเล่นมากๆ ถึงขนาดซื้อแผ่นแท้เก็บไว้ทุกภาคแม้จะไม่มีคอมสเปคแรงพอที่จะเล่น สุดท้ายก็ซื้อ notebook ใหม่มาเพื่อเล่นเกมนี้โดยเฉพาะ กว่าจะได้เล่นก็ปาไปภาคสามแล้ว แต่เอาเข้าจริงก็ได้แต่เอามาเปิดเฟซบุคเชคเมลก่อนนอนแค่นั้นเอง  ยังมีเกมโกะ เกมกระดานที่เขาว่าสุดยอดแห่งเกมกลยุทธ์ ก็ได้แต่เห่อตอนซื้อมา เปียโนไฟฟ้าความฝันตั้งแต่เด็ก และอื่นๆอีกเยอะแยะ สุดท้ายก็ได้แต่วางกองๆเอาไว้ด้วยเหตุแห่งความกลัว

             ผมกลัวอะไรน่ะเหรอครับ ก็เพราะเวลาที่จำกัดในแต่ละวัน และคิดกังวลแต่ว่าจะเสียเวลา เคยรึเปล่าครับกลัวจะเสียเวลาจนไม่กล้าทำอะไรเลย ผมเป็นอย่างนั้นจริงๆ สุดท้ายผมกลัวว่า เล่นเกมก็เปลืองเวลา หัดเล่นนั่นเล่นนี่ก็จะเสียเวลาพักผ่อนไป สุดท้ายก็ได้แค่ใช้เวลา 2 ชม.ที่มีในแต่ละวันหมดไปกับการเปิดทีวี เล่นเฟซบุค หาหนังหาซีรี่มาดู ซึ่งมันก็ใช่การพักผ่อนเพียงแต่มันไม่ใช่เป้าหมายที่เราอยากจะทำมันจริงๆ 

             "เรากลัวเสียเวลาโดยการหาอะไรมาทำที่ไม่ใช่เรื่องที่อยากทำจริงๆมาฆ่าเวลาอีกที" 

            จากด้านบนที่ว่าที่ได้ดู TEDtalks มีคนนึงที่ทำงานใน google และแนะนำให้ทำอะไรที่อยากทำใน 30 วัน ผมว่ามันมากไปและผมเคยลองแล้วมันยิ่งไม่กล้าที่จะลองเพราะกลัวจะเสียเวลาไปทั้งเดือนอีก กับอีกท่านที่พูดประชดทำนองว่า เรามัวแต่หาข้ออ้างต่างๆในการไม่ทำให้ตัวเองดีขึ้น เลยลงเอยที่ว่า

         
  
"ผมจะลองทำสิ่งที่อยากทำอย่างละ 7 วัน"

              
             เขียนสิ่งที่อยากจะทำมานาน เท่าที่ทำได้จริงติดต่อกัน 7 วันนะ   กิจกรรมง่ายๆ ไม่ต้องสนว่ามีสาระหรือเปล่า เอาแค่สิ่งที่คาใจอยากจะทำมานาน  บางคนอาจจะมัวแต่ทำอย่างอื่นและกลัวเสียเวลาที่จะอยากดูซีรี่ที่ตัวเองอยากดู ต่อโมเดล เล่นอูคูเลเล่ หัดร้องเพลง เก็บบ้าน อะไรก็ได้ และไม่ต้องหวังผลว่าเจ็ดวันนี้จะต้องก้าวหน้าอะไร แค่ 7วันมันจะไปได้อะไร  

             แต่เป้าหมายจริงๆของผมคือ ต้องการแก้ไขพฤติกรรมขี้กลัวและขี้เกียจขอองตัวออกไปซะ ลืมให้หมดว่าถ้าฉันทำสิ่งนี้แล้วจะไม่ได้ทำสิ่งนั้น สิ่งอื่นๆที่คิดว่าจะไม่ได้ทำมันเอาไว้ไปทำหลังจาก 7 วันนี้ ถ้าคุณนอนกลิ้งไปมาหลายปี โดยที่มีสิ่งที่คาใจอยู่ การเสียเวลาทำสิ่งที่คาใจแค่ 7 วันมันคงไม่ได้ทำให้คุณเสียอะไรไปมากกว่าที่ผ่านมาหรอกนะ 

             ที่ว่ามามันคงไม่ใช่สูตรสำเร็จที่จะทำให้ผมกลายเป็นคนที่ก้าวหน้าอะไรมากมาย แต่มันคงเป็นวิธีและเป็นบทแรกๆของการปรับปรุงพฤติกรรมตัวเองของผม แล้วคราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังว่า สิ่งแรกที่จะเริ่มทำคืออะไร แล้วทำไปแล้วได้อะไรขึ้นมา

           

           

โอ่งดีมีชัยไปกว่าครึ่ง


วินัยสี่เหล่า

วินัยสี่เหล่า

คนกลุ่มที่1


 เป็นพวกมีแรงผลักดันในตัวเองไม่ต้องมีระเบียบอะไรมาบังคับเขาก็

จะพยายามทำสิ่งที่ตั้งเป้าเอาไว้ เช่นผู้ยิ่งใหญ่ในสาขาต่างๆ 

จ๊อปส์ เกตต์ นักวิทยาสามารถที่สร้างสิ่งประดิษฐ์คิดค้น


คนกลุ่มที่2


เป็นพวกที่สามารถระบุเป้าหมายวางระเบียบแบบแผนและสามารถ

ทำตามเป้าได้สำเร็จ เช่นพวกเขียนฮาวทูสอนคน 

พวกนี้เคยล้มมาก่อน

คนกลุ่มที่3


 เป็นพวกมีระเบียบบ้างแต่ไม่มีวินัยพอที่จะทำตามระเบียบด้วยตัวเอง 

ต้องทำตามกฏของคนอื่น ให้คนอื่นมาวางระเบียบให้ เช่นคนทำงาน

บริษัททั่วไป หรือคน ปกติทั่วไป

คนกลุ่มที่ 4 

พวกนี้ไม่มีระเบียบ ไม่มีระเบียบในตัวเองะถึงจะมีคนมาวางระบบ

ระเบียบให้ก็ยังไม่มีวินัยพอที่จะทำให้สำเร็จ



แล้วคุณล่ะเป็นคนกลุ่มไหน